Wednesday, November 23, 2016

เทรลเลอร์ใหม่ของ Hirune Hime ภาพยนตร์อนิเมของผู้กำกับ Eden of the East นำเพลงดังของอเมริกันยุค 60 มา Cover ใหม่เป็นเพลงประกอบ


https://www.youtube.com/watch?v=lwosha9tmDs

ตัวอย่าง Hirune Hime หรือ Napping Princess ที่จะฉายในญี่ปุ่นวันที่ 18 มีนาคม 2017 มีจุดเด่นสำคัญอยู่ในเพลงประกอบที่มีชื่อว่า "Daydream Believer" ซึ่งเป็นเพลง Cover ของเพลงอเมริกันชื่อเดียวกันของวง The Monkees ที่ออกมาใน ปี 1967 และได้ Mitsuki Takahata ที่ให้เสียง "โคโคเนะ" ตัวเอกของเรื่องมาขับร้อง ส่วนทางด้านดนตรีได้ Yoko Shimomura ที่ทำเพลงประกอบ Kingdom Hearts มาบรรเลง

ทางด้านผู้กำกับอย่าง Kenji Kamiyama (Eden of the East, Ghost in the Shell SAC) ยังกล่าวอีกด้วยว่าเพลงนี้จะเป็นส่วนสำคัญในในการดำเนินเรื่องไปจนถึงตอนจบ ซึ่งเพลงนี้ร้องแทนความรู้สึกของผู้ที่จากไปแล้ว

เนื้อเรื่องของ Hirune Hime วางอยู่ในจังหวัดโอคายามะในปี 2020 ที่ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก "โคโคเนะ" อาศัยอยู่กับพ่อที่ชอบดัดแปลงรถอยู่เสมอ จนกระทั่งโคโคเนะพบกับความฝันแปลก ๆ ที่เปิดเผยความลับในครอบครัวของเธอ

Source
http://mantan-web.jp/2016/11/24/20161123dog00m200026000c.html

Monkees - Daydream Believer
https://www.youtube.com/watch?v=nU615FaODCg

Thursday, November 17, 2016


ฝ่ายอนิเมชั่นของ Studio Khara บอกรออีกนิด กำลังเข็น Evangelion ภาคสุดท้ายอยู่ และงานนิทรรศการครบรอบ 10 ปี Studio khara

ในงาน London Comic Con ที่ผ่านมา Honda Takeshi ผู้กำกับฝ่ายอนิเมชั่นของ Rebuild of Evangelion ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง UKA ในหลายประเด็น แต่จุดที่เรา ๆ คงอยากทราบมากที่สุดคงหนีไม่พ้นว่า เมื่อไหร่จะได้ดู Evangelion ภาคสุดท้ายสักที ซึ่งในตอนท้ายของบทสัมภาษณ์ Honda ก็ได้ให้คำตอบกับเรามาดังนี้

UKA: "สุดท้ายนี้อยากจะฝากอะไรถึง แฟน ๆ อนิเม และแฟน ๆ Evangelion ใน UK บ้างไหม?"
Honda: "จริง ๆ แล้วเรากำลังดำเนินการผลิต Evangelion ตัวใหม่อยู่เลยนะ เรากำลังทำงานกันอย่างหนัก จนกว่ามันเสร็จสมบูรณ์ออกมา ก็ขอขอบคุณสำหรับทุกคนที่รอคอย และก็ขอให้อดทนกันอีกนิด เพราะนี่จะเป็นภาคสุดท้ายแล้ว"

ก็เป็นคำตอบที่ทำให้เรามีกำลังใจรอขึ้นมาอีกนิด หลังจากที่ปล่อยให้แฟน ๆ รอกันมาจนจะลืม (วันที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมาครบรอบ 4 ปีนับตั้งแต่ Evangelion 3.0 ฉายพอดี) ส่วน Hideaki Anno ผู้กำกับใหญ่ หลังจากเสร็จงาน Shin Godzilla แล้วก็กลับมาเดินโปรเจ็กต่อได้เสียที

นอกจากนี้แล้วทาง Studio Khara ยังจะจัดนิทรรศการครบรอบ 10 ปี ตั้งแต่ 23 พ.ย. จนถึงเดือนหน้า ใครไปญี่ปุ่นและสนใจก็ไปเข้าชมได้ที่ Tokyo Laforet Museum Harajuku (ค่าเข้า 500 yen) โดยจะเป็นการจัดแสดงผลงานของ Hideaki Anno ไปจนถึงการขายสินค้า และของที่ระลึกต่าง ๆ จากซีรี่ย์ Evangelion อีกด้วย

ติดตามได้ในเพจ
https://www.facebook.com/MAGzseen/

Sunday, November 13, 2016

แนะนำหนังเหงา ๆ ส่องรถไฟ ชมดวงดาว ของผู้กำกับ Makoto Shinkai


สำหรับใครที่ไปดู #Yourname แล้วหรือยังไม่ได้ดูแต่อยากตามผลงานอื่น ๆ ของผู้กำกับ Makoto Shinkai ก็ขอแนะนำผลงานสร้างชื่อของเขาเสียหน่อย ซึ่งดูแล้วจะเข้าใจว่า #รถไฟ และ #ความเหงา แทรกอยู่ในหนังทุกเรื่องของเขาจริง ๆ

1. The Voices of a Distant Star (2002) เหงาแบบ sci-fi เป็นหนังสั้นสร้างชื่อเรื่องแรก ๆ ของเขาเลยทีเดียว เพราะพี่แกเล่นทำทุกอย่างเองหมด ทั้งบท วิช่วล แสงสีเสียงรวมไปถึงเสียงพากย์ นี่ถ้าพากย์ผู้หญิงได้แกทำไปแล้ว เรื่อง​สื่อถึงความรักที่มี Time & Space เป็นอุปสรรค

2. The Place Promised in Our Early Days (2004) เหงาแบบง่วง ๆ คือไม่อยากว่าเลย งานภาพถือว่าคุณภาพสูงตามระเบียบ การจัดวางตำแหน่งแห่งที่ในการดำเนินเรื่องเป็น post war ก็น่าสนใจ แต่ส่วนตัวถือว่าเป็นเรื่องที่สนุกน้อยที่สุดของหนัง Shinkai ตอนหยิบจากชั้นวางมาดูเพราะปกล้วน ๆ (ซื้อ Box-set มา ซื้อเรื่องนี้แถมเรื่องแรก^​ แต่เรื่องแรกรู้สึกสนุกกว่า) ตัวหนังค่อนข้างช้า เคยเปิดดูแล้วหลับไปเสียด้วยซ้ำ

3. 5 Centimeters Per Second (2007) ดูแล้วจุก คือเรื่องอื่น ๆ ตัวละครก็ไม่ได้สมหวังไปกว่ากันหรอก แต่นี่มัน Holy mother of loneliness ชัด ๆ ผู้ชมต่างสรรเสริญเรื่องนี้ว่าเป็นสุดยอดอนิเมชั่นที่ไม่ได้สร้างโดยลุงมิยาซากิ จนตั้งชื่อเขาว่ามิยาซากิคนใหม่ทีเดียว เนื้อเรื่องเป็นเรื่องความรักที่ไม่สมหวังซึ่งคนทั่วไปคงเคยสัมผัสกันมาบ้าง แต่ด้วยการเล่าขั้นเทพและกระแทกตับแรง ๆ เรื่องนี้จึงขึ้นหิ้งโดนใจคนจำนวนมาก แล้วมุกรถไฟก็ระบาดจากเรื่องนี้นี่แหละ

4. Children Who Chase Lost Voices (2011) ไม่รู้ว่าเพราะคนยอแกว่าเป็นมิยาซากิคนถัดไปมากเกินหรือเปล่า เลยทำให้เรื่องถัดมาที่แกทำมีกลิ่นไอของหนัง ghibli คลุ้งไปหมด เรื่องนี้เล่าถึงความรักที่มีความตายเป็นตัวขวางกั้น ซึ่งไปพาดเกี่ยวคอนเซ็ปต์​ความสัมพันธ์​ระหว่างคนกับธรรมชาติ​ที่มิยาซากิชื่นชอบเข้าไปเต็มรัก แต่ก็ทำออกมาได้ดีทีเดียว งานวาดตัวละครดีขึ้นมากจากเรื่องก่อน ๆ ดูแล้วอยากกลับไปดู Princess Mononoke อีกรอบ

5. The Garden of Words (2013) เป็นเรื่องที่งานภาพไร้ที่ติจริง ๆ ตัวหนังไม่ยาวมาก เนื้อหาเล่าถึงความรักต่างวัยผสมกับรักต้องห้ามพอประมาณ หนุ่มม.ปลายที่ตกหลุมรักสาววัยทำงาน ทั้งสองจะมาเจอกันในเช้าวันที่ฝนตก ณ สวนสาธารณะเป็นประจำ สาววัยทำงานคนนี้เป็นใครกันนะ? ดูจบคุณจะภาวนาให้ฝนตกขึ้นมาทันที

และสุดท้ายคือ Your Name ชื่อสั้น ๆ นี่แหละที่รวบรวมเอาประสบการณ์ ใส่ข้อดี เกลาข้อด้อย​ของชินไค และสร้างสรรค์ออกมาเป็นภาพยนตร์​รายได้ถล่มทลายตัวนี้ เอาเป็นว่าใครดูแล้วก็อย่าสปอยล์ และอย่าลืมเข้าไปดูในโรงกันให้ได้ ตลาดภาพยนตร์​บ้านเราจะได้มีความหลากหลายมากขึ้นเนอะ
www.facebook.com/MAGzseen